
ป่าไม้เป็นทรัพยากรที่สำคัญยิ่งต่อความคงอยู่ของประเทศ
เพราะป่าไม้มีอิทธิพลต่อการเพาะปลูก เนื่องจากป่าไม้จะมีความสัมพันธ์กับน้ำ
และสภาพอากาศ ถ้าบริเวณใดมีป่าไม้มากบริเวณนั้นก็จะมีความชุ่มชื้น
เพราะต้นไม้จะคายความชื้นออกมาทำให้สภาพอากาศเย็นและเกิดฝนตก ซึ่งจะทำให้เกิดเป็นแหล่งน้ำลำธาร
แต่ถ้าป่าไม้ถูกทำลายไปมากก็จะทำให้สภาพอากาศแห้งแล้ง ฝนไม่ตกตามฤดูกาล
แหล่งน้ำตามธรรมชาติก็จะแห้งแล้งและหมดไปดังนั้น ป่าไม้จึงอำนวยประโยชน์ให้แก่มนุษย์ ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยทางตรงป่าไม้ เป็นแหล่งอาหารของมนุษย์ โดยทางอ้อมป่าไม้ช่วยรักษา สภาพแวดล้อม เช่น ทำให้พื้นดินอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร
แหล่งน้ำตามธรรมชาติก็จะแห้งแล้งและหมดไปดังนั้น ป่าไม้จึงอำนวยประโยชน์ให้แก่มนุษย์ ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยทางตรงป่าไม้ เป็นแหล่งอาหารของมนุษย์ โดยทางอ้อมป่าไม้ช่วยรักษา สภาพแวดล้อม เช่น ทำให้พื้นดินอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร
แหล่งน้ำตามธรรมชาติก็จะแห้งแล้งและหมดไปดังนั้น
ป่าไม้จึงอำนวยประโยชน์ให้แก่มนุษย์ ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยทางตรงป่าไม้
เป็นแหล่งอาหารของมนุษย์ โดยทางอ้อมป่าไม้ช่วยรักษา สภาพแวดล้อม เช่น
ทำให้พื้นดินอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร
ป่าไม้เป็นทรัพยากรที่มีค่ายิ่ง
และมีประโยชน์ต่อคน ดังนี้
1) เป็นแหล่งวัตถุดิบที่นำมาใช้ทำเครื่องนุ่งห่ม อาหาร ที่อยู่อาศัย
ยารักษาโรค และเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ
2) ป่าไม้เป็นแหล่งทำรายได้ให้แก่ประเทศชาติจำนวนมาก เช่น
การส่งไม้เป็นสินค้าออก ไม้ที่เป็นสินค้าออกสำคัญของไทยในอดีต คือ ไม้สัก
3) ป่าไม้ทำให้ภูมิประเทศชุ่มชื้น ทำให้มีฝนตกสม่ำเสมอ
นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สร้างความชุ่มชื้นให้แก่พื้นดินด้วยเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าทั้งหลาย
4) ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์จะมีต้นไม้ช่วยดูดซึมน้ำและกั้นน้ำให้ไหลช้าลง
ซึ่งเป็นการป้องกันน้ำท่วมได้
5) เป็นแหล่งที่ทำให้อากาศบริสุทธิ์เพราะต้นไม้จะคายก๊าซออกซิเจนเมื่อมีการปรุงอาหารในเวลากลางวัน
เป็นการสร้างสมดุลของอากาศ
6) เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ
และเป็นแหล่งที่ใช้ศึกษาลักษณะของพืชพรรณและชีวิตสัตว์ป่า
7) ช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรอื่นๆ ให้อุดมสมบูรณ์ เช่น ดิน น้ำ แร่ธาตุ สัตว์ป่า
เป็นต้น
ทรัพยากรป่าไม้ในท้องถิ่นต่างๆ
ภาคเหนือ
ภาคนี้มีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ ป่าที่สำคัญ ได้แก่ ป่าเบญจพรรณ ไม้ที่มีค่าคือ ไม้สัก
ซึ่งเป็นไม้เศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังมี ไม้เต็ง รัง แดง ประดู่ ตะแบก
ส่วนบริเวณพื้นที่สูงพบป่าดิบเขา ป่าสนเขา
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคนี้มีป่าไม้น้อย ป่าที่พบ คือ ป่าเบญจพรรณ ป่าแดง ซึ่งเป็นป่าโปร่งสลับกับไม้พุ่มและหญ้าใบยาว ป่าดิบเขา และป่าสนเขา พบในพื้นที่สูง
ภาคกลาง ป่าไม้ที่พบในภาคนี้มีทั้งป่าเบญจพรรณ ป่าแดง ป่าดิบเขา ป่าสนเขา และในพื้นที่ที่ติดกับชายฝั่งทะเลจะพบป่าชายเลนด้วย
ภาคตะวันออก ลักษณะป่าไม้ที่พบจะเหมือนกับในภาคกลาง
ภาคตะวันตก ป่าไม้ที่สำคัญในภาคนี้คือ ป่าเบญจพรรณ นอกจากนี้ยังมีป่าดิบเขา ป่าสนเขา ป่าแดง
ภาคใต้ ภาคใต้เป็นภาคที่มีฝนตกชุก ทำให้มีต้นไม้เขียวชอุ่ม ป่าไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ป่าดงดิบ ป่าชายเลน ป่าแดง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคนี้มีป่าไม้น้อย ป่าที่พบ คือ ป่าเบญจพรรณ ป่าแดง ซึ่งเป็นป่าโปร่งสลับกับไม้พุ่มและหญ้าใบยาว ป่าดิบเขา และป่าสนเขา พบในพื้นที่สูง
ภาคกลาง ป่าไม้ที่พบในภาคนี้มีทั้งป่าเบญจพรรณ ป่าแดง ป่าดิบเขา ป่าสนเขา และในพื้นที่ที่ติดกับชายฝั่งทะเลจะพบป่าชายเลนด้วย
ภาคตะวันออก ลักษณะป่าไม้ที่พบจะเหมือนกับในภาคกลาง
ภาคตะวันตก ป่าไม้ที่สำคัญในภาคนี้คือ ป่าเบญจพรรณ นอกจากนี้ยังมีป่าดิบเขา ป่าสนเขา ป่าแดง
ภาคใต้ ภาคใต้เป็นภาคที่มีฝนตกชุก ทำให้มีต้นไม้เขียวชอุ่ม ป่าไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ป่าดงดิบ ป่าชายเลน ป่าแดง
สาเหตุของการสูญเสียทรัพยากรป่าไม้
1. การทำไม้ ความต้องการไม้เพื่อทำกิจการต่าง ๆ เช่น ทำอุตสาหกรรม โรงเลื่อย โรงงานกระดาษ สร้างที่อยู่อาศัยหรือร้านค้า ทำให้ต้นไม้ถูกลอบตัดหรือตัดไม้อย่างถูกต้องตามกฏหม
ย
2. การเพิ่มจำนวนประชากรของประเทศ ทำให้ความต้องการจากภาคเกษตรกรรมมากขึ้น ความจำเป็นที่ต้องการขยายพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้น พื้นที่ป่าไม้ในเขตภูเขาจึงเป็นเป้าหมายของการขยายพื้นที่เพื่อการเพาะปลูก
3. การส่งเสริมการปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจเพื่อการส่งออก เช่น มันสำปะหลัง ปอ ฯลฯ โดยไม่ส่งเสริมการใช้ที่ดินอย่างเต็มประสิทธิภาพทั้ง ๆ ที่พื้นที่ป่าบางแห่งไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ในการเกษตรกรรมเพาะปลูก
4.การกำหนดแนวเขตพื้นที่ป่า กระทำไม่ชัดเจนหรือไม่กระทำเลยในหลายๆ ป่า ทำให้ราษฏรเกิดความสับสนทั้งโดยเจตนาและไม่เจตนา
5.การจัดสร้างสาธารณูปโภคของรัฐ อาทิ เขื่อน อ่างเก็บน้ำ เส้นทางคมนาคม การสร้างเขื่อนขวางลำน้ำจะทำให้พื้นที่เก็บน้ำหน้าเขื่อนที่อุดมสมบูรณ์ถูกตัดโค่นมาใช้ประโยชน์ ส่วนต้นไม้ขนาดเล็กหรือที่ทำการย้ายออกมาไม่ทันจะถูกน้ำท่วมตาย
6.ไฟไหม้ป่า ประเทศไทยมักเกิดไฟไหม้ป่าในฤดูร้อนเป็นประจำทุกปี เพราะในฤดูร้อนพวกวัชพืชในป่าหรือจากการผลัดใบของต้นไม้ ใบไม้จะแห้งแล้งและติดไฟง่าย
7.การทำเหมืองแร่ แหล่งแร่ที่พบในบริเวณที่มีป่าไม้ปกคลุมอยู่ มีความจำเป็นที่จะต้องเปิดหน้าดินก่อน จึงทำให้ป่าไม้ที่ขึ้นปกคลุมถูกทำลายลง
8.การทำลายของสัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยง
9.การทำลายของเชื้อโรคและแมลง ต้นไม้ในป่าเป็นจำนวนมากที่ถูกทำลายโดยเชื้อโรคและแมลง จะเกิดการเหี่ยวเฉาแคระแกร็นไม่เจริญเติบโต บางชนิดต้องสูญพันธุ์
10.ความตระหนักและความร่วมมือของประชาชนต่อการอนุรักษ์ยังมีน้อย
1. การทำไม้ ความต้องการไม้เพื่อทำกิจการต่าง ๆ เช่น ทำอุตสาหกรรม โรงเลื่อย โรงงานกระดาษ สร้างที่อยู่อาศัยหรือร้านค้า ทำให้ต้นไม้ถูกลอบตัดหรือตัดไม้อย่างถูกต้องตามกฏหม
ย
2. การเพิ่มจำนวนประชากรของประเทศ ทำให้ความต้องการจากภาคเกษตรกรรมมากขึ้น ความจำเป็นที่ต้องการขยายพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้น พื้นที่ป่าไม้ในเขตภูเขาจึงเป็นเป้าหมายของการขยายพื้นที่เพื่อการเพาะปลูก
3. การส่งเสริมการปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจเพื่อการส่งออก เช่น มันสำปะหลัง ปอ ฯลฯ โดยไม่ส่งเสริมการใช้ที่ดินอย่างเต็มประสิทธิภาพทั้ง ๆ ที่พื้นที่ป่าบางแห่งไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ในการเกษตรกรรมเพาะปลูก
4.การกำหนดแนวเขตพื้นที่ป่า กระทำไม่ชัดเจนหรือไม่กระทำเลยในหลายๆ ป่า ทำให้ราษฏรเกิดความสับสนทั้งโดยเจตนาและไม่เจตนา
5.การจัดสร้างสาธารณูปโภคของรัฐ อาทิ เขื่อน อ่างเก็บน้ำ เส้นทางคมนาคม การสร้างเขื่อนขวางลำน้ำจะทำให้พื้นที่เก็บน้ำหน้าเขื่อนที่อุดมสมบูรณ์ถูกตัดโค่นมาใช้ประโยชน์ ส่วนต้นไม้ขนาดเล็กหรือที่ทำการย้ายออกมาไม่ทันจะถูกน้ำท่วมตาย
6.ไฟไหม้ป่า ประเทศไทยมักเกิดไฟไหม้ป่าในฤดูร้อนเป็นประจำทุกปี เพราะในฤดูร้อนพวกวัชพืชในป่าหรือจากการผลัดใบของต้นไม้ ใบไม้จะแห้งแล้งและติดไฟง่าย
7.การทำเหมืองแร่ แหล่งแร่ที่พบในบริเวณที่มีป่าไม้ปกคลุมอยู่ มีความจำเป็นที่จะต้องเปิดหน้าดินก่อน จึงทำให้ป่าไม้ที่ขึ้นปกคลุมถูกทำลายลง
8.การทำลายของสัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยง
9.การทำลายของเชื้อโรคและแมลง ต้นไม้ในป่าเป็นจำนวนมากที่ถูกทำลายโดยเชื้อโรคและแมลง จะเกิดการเหี่ยวเฉาแคระแกร็นไม่เจริญเติบโต บางชนิดต้องสูญพันธุ์
10.ความตระหนักและความร่วมมือของประชาชนต่อการอนุรักษ์ยังมีน้อย
1. ทรัพยากรดิน
1.1 การชะล้างพังทลายของดิน ปกติพืชพรรณต่างๆ ของต้นไม้ ไม้พุ่ม วัชพืชต่างๆ ทุกส่วนของต้นไม้้มีบทบาท ในการช่วยสกัดกั้นไม่ให้ฝนตกถึงดินโดยตรง ความต้านทานการไหลบ่าของน้ำ ช่วยลดความเร็วของน้ำที่จะพัดพาหน้า ดินไป มีส่วนของรากช่วยยึดเหนี่ยวดินไว้ทำให้เกิดความคงทนต่อการพังทลายมากยิ่งขึ้น แต่หากพื้นที่ว่างเปล่าอัตราการ พังทลายของดินจะเกิดรุนแรง การสูญเสียดินจะเพิ่มขึ้น
1.2 ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ บริเวณพื้นดินที่ไม่มีวัชพืชหรือป่าไม้ปกคลุม การพัดพาดินโดยฝนหรือลมจะเกิดขึ้น ได้มาก โดยเฉพาะบริเวณผิวหน้าดิน

2. ทรัพยากรน้ำ
2.1 น้ำท่วมในฤดูฝน การกระทำใด ๆ ที่รบกวนดิน เช่น การตัดไม้ทำลายป่า ไฟป่า การชักลากไม้ ทำให้ผิวดินแน่น จำนวนรูพรุนขนาดใหญ่ลดลง การซึมน้ำผ่านผิวดินลดลง ก่อให้เกิดน้ำไหลบ่าหน้าผิวดินเพิ่มมากขึ้นจนระบายน้ำไม่ทัน จะกลายสภาพเป็นอุทกภัยในพื้นที่ตอนล่างได้ไม่มากก็น้อย
2.2 ความแห้งแล้งในฤดูแล้ง การแผ้วถางทำลายป่าต้นน้ำเป็นบริเวณกว้างทำให้พื้นที่ป่าไม้ไม่ติดต่อกันเป็นผืนใหญ่ ทำให้เกิดการระเหยของน้ำจากผิวดินสูง แต่การซึมน้ำผ่านผิวดินต่ำ ดินดูดซับและเก็บน้ำภายในดินน้อยลง ทำให้น้ำหล่อ เลี้ยงลำธารมีน้อยหรือไม่มี ลำธารจะขอดแห้ง ความแห้งแล้งและการขาดแคลนน้ำปรากฏให้เห็นในปลายปี 2534-2536 และต้นปี 2535-2537 และปี 2536 ได้มีการรณรงค์เกี่ยวกับการเกิดภาวะการขาดแคลนน้ำอย่างกว้างขวาง โดยขอให้ ทุกคนประหยัดการใช้น้ำพร้อมกับข้อเสนอแนะวิธีการใช้น้ำในทุกรูปแบบ เพื่อลดการสูญเสียของน้ำที่ใช้อุปโภค บริโภค
2.3 คุณภาพน้ำเสื่อมลง คุณภาพน้ำทั้งทางกายภาพ เคมี และชีวภาพล้วนด้อยลง ถ้ามีการเปลี่ยนแปลง หรือทำลายพื้นที่ป่า การปนเปื้อนของดินตะกอนที่น้ำพัดพาด้วยการไหลบ่าผ่านผิวหน้าดินหรือในรูปแบบอื่น ๆ นอกจากนี้ การปราบวัชพืชหรืออินทรีย์ต่างๆ ที่อยู่ในแนวทางเดินของน้ำ ก่อให้เกิดการปนเปื้อนและสร้างความสกปรกต่อน้ำได้ ไม่มากก็น้อย และมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นทวีคูณซึ่งต่างไปจากพื้นที่ต้นน้ำที่มีป่าปกคลุม น้ำจะมีคุณภาพดีไหล สม่ำเสมอและมีปริมาณมากพอทำให้ไม่สามารถนำน้ำมาใช้ในการอุปโภคบริโภคได้ ตะกอนที่อยู่ในแหล่งน้ำหรือลงสู่ทะเล จะทำให้น้ำอยู่ในสภาพขุ่นข้น ทำให้แสงจากดวงอาทิตย์ซึ่งมีความสำคัญในการสังเคราะห์แสงไม่สามารถส่องไปได้ เป็นการขัดขวางขบวนการสังเคราะห์แสงของพืชน้ำ ส่งผลกระทบต่อทางประมงในทางอ้อม
3. ด้านเศรษฐกิจและสังคม
3.1 ไม้มีราคาแพง จากการสำรวจความต้องการใช้ไม้ในประเทศพบว่าสูงและไม่เพียงพอกับความต้องการ ผู้ที่ต้องการใช้ก็ต้องลักลอบตัดฟันไม้ในป่า เมื่อมีความต้องการมากขึ้น ราคามักจะแพงจึงเป็นเหตุให้เกิดอาชีพขึ้นมา ใหม่คือ การลักลอบตัดต้นไม้มาขาย
3.2 การอพยพย้ายถิ่น เนื่องจากพื้นที่ป่าไม้ถูกทำลาย พื้นดินขาดความอุดมสมบูรณ์หรือจากฝนตกหนักพร้อม ๆ กับการเกิดการพังทลายของดินลงมาจากพื้นที่ป่าถูกทำลาย พัดพาบ้านเรือนสิ่งของต่างๆ และทำลายชีวิตมนุษย์อย่าง เตรียมตัวไม่ทัน การอพยพไปอยู่ถิ่นใหม่จึงเกิดขึ้น เนื่องจากถิ่นเก่าไม่ปลอดภัยต่อการดำรงอยู่ดังเหตุเกิดในภาคใต้ ้บริเวณพื้นที่ ต.กระทูน อ.พิปูน ต.คีรีวงค์ อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช การเกิดภัยแล้งจนต้องอพยพมาหางานทำในถิ่นอื่น
4. การเมือง
4.1 การปิดป่า เป็นนโยบายหนึ่งที่รัฐบาลได้กระทำเพื่อป้องกันการทำลายพื้นที่ป่า ทำให้เกิดปัญหาความไม่เข้าใจกันระหว่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยกล่าวกันว่ายิ่งปิดป่าก็จะถูกลักลอบตัดฟันไม้ยิ่งขึ้น
4.2 การหาเสียงกับพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมให้ราษฎรทำกิน จากการที่ป่าไม้ถูกทำลายจนเกิดสภาพเสื่อมโทรม การโฆษณาหาเสียงของผู้สมัครเข้ารับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้ให้คำมั่นสัญญากับราษฎรไว้ว่า ถ้าตนเองได้เป็นผู้แทนแล้วจะพยายามหาหนทางให้ราษฎรมีกรรมสิทธิ์ในพื้นที่ทำกิน เมื่อได้รับการเลือกตั้งก็วิ่งเต้นเพื่อให้ราษฎรได้มีสิทธิ์ตามที่ตนเองได้รับปากไว้ นับว่าเป็นปัญหาการเมืองระดับประเทศที่สำคัญ
4.3 ต้องซื้อไม้จากต่างประเทศ แม้ว่าพื้นที่ป่าดังเดิมที่เคยใช้ประโยชน์อย่างอุดมสมบูรณ์ได้ถูกทำลายลง ต้นไม้ที่จะนำมาใช้ประโยชน์หมดไป แต่ความต้องการใช้ไม้เพื่อกิจการต่าง ๆ ยังคงมีอยู่และยิ่งทวีความต้องการมากขึ้น ทางหนึ่งที่กระทำอยู่คือ การซื้อไม้จากต่างประเทศ ทำให้เงินตราออกนอกประเทศปีละมากๆ
จากการที่ปริมาณป่าไม้ลดลง ย่อมก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและมีผลต่อปัจจัยทางชีวภาพ มีผลกระทบต่อสภาพดิน น้ำ อากาศ สัตว์ป่า สิ่งแวดล้อมอื่นๆ เพราะทั้งทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมจะมีความสัมพันธ์กันไม่ทางตรงก็ทางอ้อมในระบบนิเวศ ก่อให้เกิดสมดุลทางธรรมชาติ การทำลายป่าจึงก่อให้เกิดผลกระทบในด้านต่างๆ ดังนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น